แสงแดดกับ Aging ประโยชน์และโทษที่ต้องระวัง

แสงแดดกับ Aging ประโยชน์และโทษที่ต้องระวัง

แสงแดดเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน เพราะมันเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการผลิตวิตามิน D ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของกระดูกและระบบต่างๆ ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม แสงแดดก็สามารถมีทั้งประโยชน์และโทษที่เราต้องระวัง โดยเฉพาะเมื่อเราพูดถึงการ Aging หรือกระบวนการชราภาพของผิวและร่างกาย ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงทั้งประโยชน์และอันตรายจากแสงแดด พร้อมทั้งวิธีการป้องกันไม่ให้แสงแดดเร่งกระบวนการ Aging มากเกินไป

ประโยชน์ของแสงแดด

  1. การผลิตวิตามิน D วิตามิน D เป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย ซึ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน รวมถึงการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง การได้รับแสงแดดในปริมาณที่พอเหมาะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตวิตามิน D ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. เพิ่มระดับอารมณ์และสุขภาพจิต  การได้รับแสงแดดในช่วงเช้าเป็นสิ่งที่สามารถช่วยลดความเครียดและอาการซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากแสงแดดช่วยปรับเวลาในนาฬิกาชีวิต (circadian rhythm) ของร่างกาย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการนอนหลับและความตื่นตัวในระหว่างวัน เมื่อร่างกายได้รับแสงแดดในเวลาที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มพลังงานและทำให้เรารู้สึกสดชื่นมากขึ้น การออกไปเดินเล่นในแสงแดดบ้างในช่วงเช้าจึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้เรารู้สึกดีและพร้อมที่จะเผชิญกับกิจกรรมในแต่ละวันได้ดียิ่งขึ้น
  3. ช่วยในกระบวนการเผาผลาญ การได้รับแสงแดดในปริมาณที่พอเหมาะมีผลดีต่อกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสุขภาพและการควบคุมน้ำหนัก แสงแดดช่วยกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น และส่งผลต่อการสร้างพลังงานในร่างกาย รวมทั้งช่วยในการลดไขมันสะสมที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด

โทษของแสงแดดที่เราควรระวัง

แม้ว่าแสงแดดจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปหรือในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถทำร้ายผิวและเร่งกระบวนการ Aging ได้ ดังนี้:

  1. ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว รังสี UV ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในแสงแดด สามารถซึมผ่านผิวหนังและทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินที่เป็นโปรตีนสำคัญในผิว คอลลาเจนและอีลาสตินช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึง โดยคอลลาเจนจะเสริมสร้างโครงสร้างของผิว ส่วนอีลาสตินช่วยให้ผิวสามารถคืนรูปได้หลังจากการยืดหรือหดตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อผิวได้รับรังสี UV มากเกินไป คอลลาเจนและอีลาสตินจะถูกทำลายและเสื่อมสภาพ ซึ่งจะทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดอาการเหี่ยวย่นได้ง่ายขึ้น
  2. เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง การได้รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานโดยไม่ปกป้องผิวจากรังสี UV สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ผิวหนังโดนแสงแดดบ่อยครั้งและไม่ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสม
  3. เกิดจุดด่างดำและฝ้า เมลานินนั้นทำหน้าที่ในการป้องกันการทำลายจากรังสี UV แต่หากมีการได้รับแสงแดดบ่อยๆ หรือถูกแสงแดดมากเกินไป อาจทำให้การผลิตเมลานินผิดปกติ ส่งผลให้เกิด จุดด่างดำ หรือ ฝ้า ซึ่งเป็นบริเวณที่มีสีเข้มกว่าผิวปกติ เนื่องจากการสะสมของเมลานินที่มากเกินไปในชั้นผิวหนัง การเกิดจุดด่างดำและฝ้าสามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีการใช้ชีวิตกลางแจ้งมาก หรือในผู้ที่มีความไวต่อแสงแดดสูง เช่น ผู้ที่มีผิวคล้ำหรือผู้ที่มีพันธุกรรมที่ทำให้ผลิตเมลานินมากกว่าปกติ
  4. สูญเสียความชุ่มชื้นของผิว  การสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวเป็นปัญหาที่หลายคนประสบอยู่ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับแสงแดดและรังสี UV ซึ่งไม่เพียงแต่มีผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังเท่านั้น แต่ยังทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งกร้านและหมองคล้ำได้อย่างชัดเจน

วิธีป้องกันไม่ให้แสงแดดเร่งกระบวนการ Aging

การป้องกันไม่ให้แสงแดดทำร้ายผิวและเร่งกระบวนการ Aging เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ดังนี้คือวิธีป้องกันที่จะช่วยรักษาผิวของคุณให้แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์:

  1. ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่าจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน โดยทาทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  2. หลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลาที่มีแสงแรง ช่วงเวลาที่แสงแดดมีความแรงที่สุดคือระหว่าง 10.00 น. ถึง 16.00 น. ควรหลีกเลี่ยงการออกไปอยู่กลางแดดในช่วงเวลานี้ เพื่อป้องกันการทำร้ายผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตราย
  3. สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิว การใส่เสื้อผ้าที่มีแขนยาว, กางเกงขายาว หรือหมวกปีกกว้างสามารถช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องอยู่นอกบ้านในช่วงที่มีแสงแดดจัด
  4. ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ การบำรุงผิวด้วยครีมที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C และ E จะช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์

สรุป

แสงแดดเป็นปัจจัยที่มีทั้งประโยชน์และโทษต่อผิวพรรณของเรา ขึ้นอยู่กับวิธีการสัมผัสและการป้องกันตัวเองจากแสงแดด ในหนึ่งวันแสงแดดสามารถเป็นทั้งพันธมิตรและศัตรูของผิวได้ การได้รับแสงแดดในปริมาณที่พอเหมาะและในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะในการกระตุ้นการผลิตวิตามินดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญในการช่วยดูแลกระดูกและระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ แสงแดดยังสามารถกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีพลังงาน ซึ่งมีผลดีต่อจิตใจและอารมณ์ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและลดความเครียด อย่างไรก็ตาม หากเราได้รับแสงแดดมากเกินไปโดยไม่ป้องกันตัวเองอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดผลเสียต่อผิวพรรณได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการ Aging ของผิว การถูกแสงแดดมากเกินไปสามารถทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ริ้วรอยเริ่มปรากฏ และเกิดปัญหาผิวหนังเช่น กระ ฝ้า หรือแม้กระทั่งมะเร็งผิวหนังในระยะยาว การสัมผัสแสงแดดที่มากเกินไปยังสามารถทำให้คอลลาเจนในผิวถูกทำลาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย

SHARE THIS POST

BLOG

Related post you can read